คุณรู้ไหมว่าการออกกำลังกายมีอยู่หลายอย่าง ในแต่ละประเภทนั้น ก็มีจุดประสงค์ในการบริหารร่างกายที่แตกต่างกัน หลายคนยังไม่ค่อยมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มากนัก เราจึงอยากที่จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันซักหน่อย เพื่อที่ทุกคนจะสามารถได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายได้สูงสุด ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยดีกว่ามันมีกี่ประเภท มีความแตกต่างกันอย่างไร
ออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic)
การออกกำลังกายแบบ Anaerobic เป็นประเภทที่ไม่ได้เน้นการ “ใช้ออกซิเจน” – แตกต่างจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิค แม้ว่าหลายคนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกมันมากนัก แต่ก็เป็นการออกกำลังกายที่ใช้กันทั่วไปและมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายที่มุ่งเน้นในการเผาพลาญน้ำตาลกลูโคส ให้เป็นพลังงานโดยไม่ใช้ออกซิเจน โดยทั่วไปกิจกรรมเหล่านี้จะใช้ระยะเวลาสั้นๆ แต่หนักหน่วงง แนวคิดก็คือการปล่อยพลังงานจำนวนมากออกมาภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อให้ความต้องการออกซิเจน เกินปริมาณการผลิตออกซิเจนของร่างกาย เรียกง่ายๆ ก็คือการออกกำลังหายให้เหนื่อยจนถึงขั้นหอบเลยนั่นเอง
ประโยชน์ของแอนาโรบิคมีมากมาย เช่น ช่วยเพิ่มระดับการรับกรดแลคติก โดยร่างกายจะปรับตัวให้สามารถจัดการกับกรดแลคติกได้ดีขึ้น betflik baccarat หมายความว่าร่างกายจะสามารถทำงานได้หนักขึ้น และยาวนานมากกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคต่างๆ ช่วยปกป้องกระดูก ข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บร้ายแรง
ออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic)
แอโรบิคเป็นการออกกำลังกาย โดยใช้แหล่งพลังงานจากออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความต่อเนื่องของกิจกรรมโดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ความแตกต่างระหว่างแอนาโรบิค คือมันทำให้ร่างกายของคุณต้องการพลังงานมากกว่าที่ร่างกายจะสามารถผลิตได้ เพื่อสร้างพลังงานมากขึ้นร่างกายของใช้ระบบแอนแอโรบิค ซึ่งต้องอาศัยแหล่งพลังงานที่เก็บไว้ในกล้ามเนื้อภายในร่างกาย ลักษณะการออกำลังกายแบบแอโรบิคจะอยู่ในรูปแบบที่เน้นจังหวะ เช่น การวิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน หรือกระโดดเชือก
คงพูดได้เต็มปากว่ามันเป็นการออกกำลังที่ได้รับความนิยมมากสุด เพราะสามารถทำได้ง่าย ไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนเกินไป แม้ว่าจะได้ประโยชน์น้อยกว่าแอนาโรบิค แต่เมื่อเทียบในระยะยาวแล้ว ก็ไม่ได้ต่างกันเลย ประโยชน์สูงสุดที่เราจะได้จากการออกกำลังกาย คือการทำอย่างสม่ำเสมอ จากงานวิจัยก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่า ชั่วโมงการออกกำลังกายถือเป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุด ดังนั้นต่อให้โหมหนักเท่าไหร่ก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์เสมอไป ซึ่งเป็นแนวคิดของแอนาโรบิคนี่เอง